top of page

Omega Lipomic Panel Test 

LINE_ALBUM_Pro MAR_๒๒๐๒๒๘_8.jpg

             กรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งส่วนใหญ่ได้มาจากแหล่งอาหาร เช่น น้ามันปลาและที่มาจากพืชซึ่งจะอยู่ในรูป
ของกรดอัลฟ่า - ไลโนเลนิค (ALA) ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย จากคุณสมบัติการต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระและต่อต้านการก่อตัวของลิ่มเลือด อีกทั้งยังสามารถช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ได้อีก

กรดไขมันโอเมก้า 6 มี 2 ประเภทหลัก ได้แก่ กรดอาราคิโอนิก (AA) และกรดไลโนเลอิก (LA) กรดไขมันเหล่านี้อยู่ในอาหารกลุ่มเนื้อสัตว์ เช่น ไขมันสัตว์ และจากพืช เช่น น้ามันพืช ซึ่งพบว่าทาให้เกิดการอักเสบ และมีผลต่อการก่อตัวของลิ่มเลือด เมื่อได้รับในปริมาณที่สูง

ความสาคัญทางคลินิก

- กรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคข้ออักเสบ          ภูมิแพ้รูมาตอยด์ ภูมิแพ้หอบหืด ภาวะความเสื่อมตามอายุ และโรคมะเร็ง

- การบริโภคกรดไขมันโอเมก้า 3 สามารถช่วยลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ และคอเรสเตอรอลไม่ดีในเลือด

- กรดไขมันโอเมก้า 6 ก่อให้เกิดการอักเสบในระดับสูง และการบริโภคในปริมาณสูงอาจรบกวนการดูดซึม
ของกรดไข  มันโอเมก้า 3 จากอาหาร

- ค่าเฉลี่ยของอัตราส่วนระหว่างโอเมก้า 6 ต่อ โอเมก้า 3 ของอาหาร
มาตรฐานอยู่ระหว่าง 10:1 - 15:1 ขึ้นอยู่กับพื้นที่

- อัตราส่วนของโอเมก้า 6 ต่อ โอเมก้า 3 ที่ 4:1 หรือน้อยกว่านี้อาจลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรังได้

 ( ก่อนตรวจ งดวิตามินกลุ่ม Fish oil และ Omega 24 ชม. และงดน้ำงดอาหาร 6-8 ชม. )

Food Allergy
bottom of page